หากคุณเพิ่งเริ่มต้นในโลกของการเทรด Forex หนึ่งในคำที่คุณจะได้ยินบ่อยที่สุดคือคำว่า “โบรกเกอร์ Forex”
แต่โบรกเกอร์คือใคร? ทำหน้าที่อะไร? และมีกี่ประเภทที่เราควรรู้จัก?
บทความนี้จะอธิบายแบบเข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้คุณเลือกโบรกเกอร์ได้อย่างมั่นใจ

 

 

โบรกเกอร์ Forex คืออะไร?

โบรกเกอร์ Forex คือบริษัทที่ทำหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” ระหว่างนักเทรดกับตลาด Forex
ช่วยให้นักเทรดสามารถส่งคำสั่งซื้อขายสกุลเงินต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น MT4 หรือ MT5

โบรกเกอร์ทำหน้าที่หลัก ๆ ได้แก่:

  • ให้บริการแพลตฟอร์มเทรดและข้อมูลราคาสกุลเงินแบบเรียลไทม์

  • ดำเนินการคำสั่งซื้อขายให้รวดเร็ว

  • ให้บริการ เลเวอเรจ (Leverage) เพื่อช่วยให้นักเทรดสามารถเปิดออเดอร์ได้มากกว่าทุนที่มีอยู่จริง เช่น
    เลเวอเรจ 1:100 หมายความว่า หากมีเงิน 100 ดอลลาร์ สามารถเปิดออเดอร์ได้สูงสุดถึง 10,000 ดอลลาร์

 

ประเภทของโบรกเกอร์ Forex

โบรกเกอร์ Forex แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ตามวิธีการเชื่อมต่อกับตลาด ได้แก่
1. Dealing Desk (Market Maker)
2. Non-Dealing Desk (NDD) ซึ่งแบ่งย่อยออกเป็น STP และ ECN

🟢 1. โบรกเกอร์แบบ Dealing Desk (Market Maker)

โบรกเกอร์ประเภทนี้ “สร้างตลาดของตนเอง” และเป็นผู้รับคำสั่งซื้อขายโดยตรงจากนักเทรด
เมื่อคุณเปิดออเดอร์ โบรกเกอร์จะเป็นฝั่งตรงข้ามของการเทรดคุณ เช่น หากคุณซื้อ โบรกเกอร์จะขายให้ในระบบของเขาเอง

ลักษณะเด่นของ Market Maker:

  • เสนอค่าสเปรดคงที่ (Fixed Spread)

  • มีเลเวอเรจสูง เหมาะกับผู้เริ่มต้นที่มีทุนน้อย

  • ไม่ต้องส่งคำสั่งไปตลาดระหว่างธนาคาร

ข้อดี:

  • สเปรดคงที่ รู้ต้นทุนล่วงหน้า

  • เปิดบัญชีง่าย เหมาะกับมือใหม่

ข้อเสีย:

  • มี “ความขัดแย้งทางผลประโยชน์” เนื่องจากกำไรของโบรกเกอร์อาจมาจากการขาดทุนของนักเทรด

  • ราคาอาจถูกควบคุมภายในระบบของโบรกเกอร์

 

🟢 2. โบรกเกอร์แบบ Non-Dealing Desk (NDD)

โบรกเกอร์แบบ NDD ไม่สร้างตลาดของตัวเอง แต่จะส่งคำสั่งซื้อขายของลูกค้าไปยังตลาดจริงหรือผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Provider)
จึงโปร่งใสกว่าและไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับนักเทรด

โบรกเกอร์ NDD แบ่งออกเป็น 2 แบบย่อย คือ STP และ ECN

🔸 2.1 โบรกเกอร์แบบ STP (Straight Through Processing)

โบรกเกอร์ STP จะส่งคำสั่งซื้อขายของนักเทรดไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่องโดยตรง (เช่น ธนาคารหรือโบรกเกอร์รายใหญ่)
คำสั่งจะถูกดำเนินการอัตโนมัติอย่างรวดเร็ว

ลักษณะเด่นของ STP:

  • ไม่มีการสร้างตลาดเอง

  • สเปรดผันแปรตามสภาพคล่องจริง

  • อาจมีค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติมเล็กน้อย

ข้อดี:

  • ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์

  • ดำเนินการคำสั่งได้รวดเร็ว โปร่งใส

ข้อเสีย:

  • สเปรดอาจกว้างขึ้นเมื่อเกิดความผันผวน

  • อาจมีค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติม

 

🔸 2.2 โบรกเกอร์แบบ ECN (Electronic Communication Network)

โบรกเกอร์ ECN เป็นระบบที่เชื่อมต่อนักเทรดเข้ากับ “ตลาดจริง” โดยตรง
คำสั่งซื้อขายจะถูกจับคู่กับคำสั่งของผู้เทรดรายอื่นหรือสถาบันการเงินในเครือข่าย ECN

ลักษณะเด่นของ ECN:

  • เสนอราคาจริงจากตลาดหลายแห่ง

  • ค่าสเปรดต่ำมาก

  • คิดค่าคอมมิชชั่นจากการเทรดแต่ละครั้ง

ข้อดี:

  • โปร่งใส ไม่มีการแทรกแซงราคา

  • สเปรดต่ำ เหมาะกับเทรดเดอร์มืออาชีพ

ข้อเสีย:

  • มีค่าคอมมิชชั่นสูงกว่า

  • เสนอเลเวอเรจต่ำกว่าประเภทอื่น

 

วิธีเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่เหมาะกับคุณ

ก่อนเปิดบัญชี โบรกเกอร์ที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้:

  1. ได้รับการกำกับดูแล (Regulation)
    เลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น

    • FCA (สหราชอาณาจักร)

    • ASIC (ออสเตรเลีย)

    • CySEC (ไซปรัส)
      เพื่อความปลอดภัยของเงินทุนและการดำเนินงานอย่างโปร่งใส

  2. ค่าสเปรดและค่าคอมมิชชั่นเหมาะสม
    หากเทรดสั้น (Scalping) ให้เลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำ
    หากเทรดยาว ค่าคอมมิชชั่นอาจไม่ใช่ปัญหาหากระบบเทรดเสถียรและโปร่งใส

  3. เลเวอเรจที่เหมาะสมกับความเสี่ยง
    เลือกเลเวอเรจตามสไตล์เทรดของคุณ
    มือใหม่ควรใช้เลเวอเรจต่ำเพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุนหนัก

  4. แพลตฟอร์มเทรดที่ใช้งานง่าย
    เช่น MT4, MT5 หรือแอปเฉพาะของโบรกเกอร์
    ควรเสถียร รวดเร็ว และมีเครื่องมือวิเคราะห์ครบถ้วน

  5. บริการลูกค้าดี มีภาษาไทยรองรับ
    โดยเฉพาะการช่วยเหลือผ่าน Live Chat หรือโทรศัพท์ 24 ชั่วโมง

ข้อดีและข้อเสียของการใช้โบรกเกอร์ Forex

ข้อดี:

  • เข้าถึงตลาดโลกได้ง่าย ใช้เงินเริ่มต้นน้อย

  • มีเครื่องมือวิเคราะห์ครบ และสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง

  • ใช้เลเวอเรจช่วยขยายโอกาสการทำกำไร

ข้อเสีย:

  • เลเวอเรจสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุน

  • โบรกเกอร์บางราย (โดยเฉพาะ Market Maker) อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์

  • ต้องศึกษาโบรกเกอร์ให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงโบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถือ

🔹 สรุป

โบรกเกอร์ Forex เป็นหัวใจสำคัญของการเทรด เพราะเป็นตัวกลางที่ช่วยให้คุณเข้าถึงตลาดได้จริง
การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม ควรพิจารณาจาก

  • ประเภทของโบรกเกอร์ (Market Maker, STP, ECN)

  • ความน่าเชื่อถือ

  • ค่าสเปรด ค่าคอมมิชชั่น

  • ระบบเทรด และการบริการลูกค้า

หากเลือกโบรกเกอร์ที่ดีและเหมาะกับสไตล์ของคุณ
การเทรด Forex จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีโอกาสสร้างกำไรได้อย่างมั่นคงมากกว่าเดิม

 

 

Share This Story, Choose Your Platform!

โบนัสเทรดฟรี ไม่ต้องฝากเงิน

จะดีกว่าไหมหากได้เงินทุนมาเทรดฟรี ๆ กำไรก็สามารถถอนออกมาได้